วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559



กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง


กระเจี๊ยบแดง ภาษาอังกฤษ Rosella, Jamaican sorel, Roselle, Rozelle, Sorrel, Red sorrel, Kharkade, Karkade, Vinuela, Cabitutu
กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa Linn. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)
สมุนไพรกระเจี๊ยบแดง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักเก็งเค็ง, ส้มเก็งเค็ง, ส้มตะเลงเครง (ตาก), ใบส้มม่า (ระนอง), แกงแคง (เชียงใหม่), ส้มปู (แม่ฮ่องสอน), แบลมีฉี่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แต่เพะฉ่าเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), ปร่างจำบู้ (ปะหล่อง), กระเจี๊ยบ, ส้มเก็ง ส้มพอเหมาะ (ภาคเหนือ), ส้มพอดี (ภาคอีสาน), กระเจี๊ยบแดง, กระเจี๊ยบเปรี้ยว (ภาคกลาง), ส้มพอ ส้มพอเหมาะ เป็นต้น มีถิ่นกำเนิดในประเทศซูดาน อินเดีย มาเลเซีย และประเทศไทย โดยในประเทศไทยมีแหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี สระบุรี อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี และฉะเชิงเทรา

ลักษณะของกระเจี๊ยบแดง

  • ต้นกระเจี๊ยบแดง จัดเป็นไม้พุ่มมีความสูงประมาณ 50-180 เซนติเมตร มีอยู่หลายสายพันธุ์ ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด

ต้นกระเจี๊ยบแดง


  • ใบกระเจี๊ยบแดง มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีหลายลักษณะ ลักษณะคล้ายรูปฝ่ามือ 3 แฉก หรือ 5 แฉก ใบเว้าลึกหรือเรียบ หรือใบเป็นรูปรีแหลม หรือรูปเรียวแหลม ขอบใบมีจักเป็นฟันเลื่อย ใบมีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกันประมาณ 8-15 เซนติเมตร และก้านใบมีความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร

ใบกระเจี๊ยบแดง

  • ดอกกระเจี๊ยบแดง ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบ มีกลีบดองสีชมพูหรือสีเหลือง บริเวณกลางดอกจะมีสีเข้มกว่าคือสีม่วงแดง ดอกมีเกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ก้านดอกสั้น มีริ้วประดับเรียวยาวปลายแหลม มี 8-12 กลีบ กลีบเลี้ยงจะแผ่ขยายติดกันออกหุ้มเมล็ดไว้ มีสีแดงเข้มและหักง่าย เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร

กลีบดอกกระเจี๊ยบแดง

ประโยชน์
1. กลีบเลี้ยงที่มีสีแดงเข้มรวมถึงกลีบดอกนิยมนำมาต้มทำน้ำผลไม้ที่เรียกว่า น้ำกระเจี๊ยบ ให้รสเปรี้ยว ผสมน้ำตาลเล็กน้อย ดื่ม ทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี
2. ดอกอ่อน นำมาปรุงอาหาร โดยนิยมนำส่วนดอกใส่ในอาหารจำพวกต้มยำเพื่อให้มีรสเปรี้ยว ส่วนใบอ่อน และยอดอ่อนนำมาปรุงอาหารลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใส่ในแกงต้มหรือผสมเป็นผักสลัด
3. ดอกนำมาทำขนมหรือของหวาน อาทิ แยม เยลลี่ ไอศครีม
4. สีแดงเข้มของดอก นำมาสกัดเป็นสีผสมอาหาร เครื่องดื่ม หรือสีย้อมผ้า
5. ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกระเจี๊ยบแดง อาทิ ซอสกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบผง ไวน์กระเจี๊ยบ เป็นต้น
6. เปลือกของกระเจี๊ยบแดงสามารถลอกใช้ทำเป็นเชือกรัดของได้
7. ลำต้นสามารถใช้ทำเป็นเยื่อกระดาษสาได้
8. สารเพกตินที่พบในดอกสกัดนำไปใช้เป็นสารป้องกันการแยกตัว (emulsifier) ของน้ำมันในเครื่องสำอาง
9. เมล็ดมีน้ำมันสูง ใช้สกัดสำหรับเป็นน้ำมันประกอบอาหารที่มีกรดไลโนเลอิกสูง (linoleic acid)
10. เมล็ดใช้ผสมกับสารส้มสำหรับตกตะกอนน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม
11. เมล็ดมีรสขมใช้บดผสมในอาหารเพื่อให้ได้รสขมเล็กน้อย
12. เมล็ดที่มีรสขมเหมือนกาแฟบางประเทศนำมาตากแห้ง และบดชงดื่มแทนกาแฟ
13. ทั้งใบอ่อน ยอดอ่อน ดอก และเมล็ดใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์


ประโยชน์ของกระเจี๊ยบ ในทางยา
– ผลอ่อน สามารถรับประทานเพื่อขับพยาธิ
– น้ำกระเจี๊ยบช่วยบำรุงเลือด
– น้ำกระเจี๊ยบช่วยลดอาการไอ
– ผลกระเจี๊ยบช่วยขับปัสสวะ เป็นยาระบาย
– น้ำกระเจี๊ยบมีวิตามินซีสูง ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน
– น้ำกระเจี๊ยบช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโต





สรรพคุณกระเจี๊ยบแดง



อ้างอิง
http://puechkaset.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%8A%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/

วันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนของทุกปี

วันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนของทุกปี ประวัติความเป็นมา

       ผลจากปัญหายาเสพติด ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก เพื่อเน้นถึงความสำคัญของการต่อสู้กับปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติดและเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทั่วโลกใน การต่อสู้กับปัญหายาเสพติด ที่ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and llicit Trafficking I) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่าง วันที่ 17-26 มิถุนายน 2530 ที่ประชุมได้เสนอเป็นข้อมติต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านยาเสพติดซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตาม ข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2530

วันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนของทุกปี



ประเด็นแรกก็คือ เวลาพูดถึงยาเสพติด คนทั่วไปมักจะนึกถึง ยาบ้าบ้าง ฝิ่นบ้าง เฮโรอีนบ้าง หรือยาเสพติดที่ร้าย ๆ ทั้งหลาย ซึ่งเครื่องเหล่านั้นความจริงก็ได้มีกล่าวถึงมาค่อนข้างเยอะแล้ว โดยทั่วไปเราก็ได้เห็นโทษเห็นภัยกันชัดเจน เหลือแต่เพียงว่า จะทำยังไง จะป้องกันไม่ให้ระบาด ไม่ให้แพร่หลายไป จำกัดขอบเขตวงให้เหลือน้อยที่สุด เป็นประเด็นหลัก จึงอยากจะฝากพวกเราเอง มาถึงแง่ที่ว่า จริง ๆ พูดถึงยาเสพติด
        มันไม่ได้มีเพียงยาเสพติดในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจ ยังมีอีกตั้ง 2 เรื่องที่เราต้องใส่ใจ เรื่องแรกก็คือ เหล้าบุหรี่ ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ แอลกอฮอร์ทั้งหลาย ความจริงมันก็คือสิ่งเสพติดนั่นเอง คนเคยสูบ คนเคยดื่ม ถึงคราวมันก็อยากจะสูบอีก อยากจะดื่มอีก มันก็ออกฤทธิ์คล้าย ๆ ยาเสพติด เพียงแต่ว่า เบากว่าหน่อย แต่เพราะว่าเบากว่าหน่อย เลยทำให้กลายเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย สามารถหาซื้อหาเสพได้ทั่วไป ผลคือคนที่สูบบุหรี่ เฉพาะในประเทศไทยมีเป็นสิบ ๆ ล้านคน คนดื่มเหล้า ดื่มเบียร์มีเป็นสิบ ๆ ล้านคน มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจนับรวมแล้วปีนึง ประมาณซัก 2 - 3 แสนล้านบาท ทั้งเหล้าบุหรี่รวมกัน ซึ่งมากยิ่งกว่า ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า รวมกันทั้งหมดเสียอีก
       เพราะฉะนั้นเราจะต้องตระหนักโทษภัยของสิ่งเสพติดอย่างอ่อนๆ ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่เหล่านี้ให้ดี แล้วรีบหาทางป้องกันแก้ไข อย่าดูเบาเพียงเพราะว่าเป็นยาเสพติดอย่างอ่อนๆ เพียงเพราะว่า เป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย เพราะถ้าเกิดจะเอาเรื่องความถูกกฎหมายแล้วหละก็ ในบางประเทศอย่างสวิตเซอร์แลนด์ เค้าหาซื้อเฮโรอีนได้เลยนะ ไปเดินเข้าร้านขายยาซื้อเฮโรอีนมาฉีดได้เลย ถือว่าถูกกฎหมาย ถ้าประเทศไหนตีตราว่าถูกกฎหมาย เราจะถือว่าถูกต้องหรือ  หรือในยุคหนึ่ง ตุรกีบอกปลูกฝิ่นถูกกฎหมายใครก็ปลูกได้ เราจะยอมรับอย่างนั้นหรือ ในเมืองไทยยุคหนึ่งก็เคยปลูกฝิ่นได้ตามโรงฝิ่น ทำให้คนย่ำแย่กันไป เพราะฉะนั้น เรื่องถูกกฎหมายหรือไม่เป็นแค่ส่วนประกอบ แต่ประเด็นหลักที่ต้องคำนึงถึงคือว่า ฝิ่นนั้นสร้างโทษสร้างภัยให้ทั้งคนเสพแล้วก็ทอนกำลังสังคมให้อ่อนแอลงอย่างไร เมื่อรู้ว่ามีภัยก็ต้องหาทางป้องกันแก้ไขกันให้ดี อย่าดูเบา นี่ขอฝากไว้เป็นประเด็นแรก



ประเด็นที่  2 คือว่า สิ่งที่ทำให้คนเสพติด ต้องถือว่าแทบจะ 100% ทั้งโลกเลย แต่เป็นสิ่งที่เสพติดอย่างอ่อน ๆ  จริง ๆ แล้วติดข้ามภพข้ามชาติซะด้วย สิ่งนั้นก็คือ กิเลสในใจของเรานี่เอง เบญจกามคุณ 5  รูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส ธรรมรมณ์ สิ่งนี้คนทั้งโลกได้เสพคุ้น แล้วก็ติดกันมาข้ามภพข้ามชาติ กิเลสทั้งความโลภ โลภะ โทสะ โมหะ หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่งคือ ราคะ โทสะ โมหะ เราก็เสพติดกันมาข้ามภพข้ามชาติ แต่มันเป็นการมัดแล้วออกฤทธิ์ให้โทษอย่างอ่อน ๆ ซึ่งถ้าเกิดไม่สังเกตหละก็ ไม่เห็นเลย พูดถึงเหล้าบุหรี่ คนส่วนใหญ่ยังพอมองเห็นโทษภัยได้ แต่กล่าวถึงเรื่องเบญจกามคุณ 5  คนในโลกที่จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ให้โทษให้ภัย ไม่รู้จะมีถึงซัก 5 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่า หรือ 1 เปอร์เซ็นต์จะถึงหรือเปล่า ยังไม่ทราบเลย
      มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้ธรรมแล้วมาสอนเรา เราจะไม่ศึกษาแล้วก็เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตาม เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้สิ่งเหล่านี้หละก็ ต้องบอกว่ามันแก้ยากกว่า ลึกกว่า แต่ก็เป็นหน้าที่ของเรา เพราะมันมัดเราเอาไว้อยู่กับภพเลย ทั้งภพ 3 ตรึงอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าหากขจัดตรงนี้ได้เมื่อไร กิเลสหมดจากใจก็เข้าปรินิพพาน คราวนี้ถามว่าแล้วจะแก้ แก้อย่างไร จริง ๆ  ทั้ง 3 ระดับหนักสุดคือ ยาเสพติดทั่วไปที่รู้จักกัน รองลงมาก็คือเหล้าบุหรี่ หรืออ่อนสุดเลยก็คือว่า เรื่องของกิเลสจะแก้ หลักการมีอยู่เหมือนกันคือ 1 ตัวของเราแต่ละคน จะต้องรู้จักคิด คิดเป็น อันที่ 2 คือ ต้องมีกัลยาณมิตรอยู่ใกล้คนที่เค้าให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ ให้เราเองสามารถปรับปรุงแก้ไขไปสู่สิ่งที่ถูกต้องได้ ก็อยู่ตรงนี้แหละ ตัวเรากับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดก็คือ คน ถ้าหาก 2 ประการนี้ได้ หนทางแก้ไขก็เห็นช่องทางสว่างไสว
      คราวนี้พอเราดูต่อ ว่าแล้วทำอย่างไรหละ เราแต่ละคนจึงจะคิดเป็น แล้วก็จับประเด็นเป็น ขณะเดียวกันทำยังไงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ตัวถึงจะเป็นกัลยาณมิตรให้กับเราได้ คนใกล้ตัวสุดก็คือครอบครัวของเรานั่นแหละ ปัจจุบันปัญหามีอยู่ว่า แม้พ่อแม่กับลูกเอง บางทีก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง บอกความสนใจมันคนละอย่าง ไม่รู้จะเอาหัวข้ออะไรมาคุยกับลูก เจอหน้าทักทายเป็นไงลูก กลับมาแล้วหรอ ทำการบ้านหรือยัง สบายดีนะ มีอะไรมั้ย คุยคำสองคำเสร็จ จะให้พูดต่อยาว ๆ บางทีพ่อแม่ลูกก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันดี พ่อแม่สนใจอย่าง ลูกก็สนใจอีกอย่าง ลูกพูดถึงสิ่งที่ตัวเองสนใจ พ่อแม่ก็คุยไม่รู้เรื่อง ไม่มีความรู้เรื่องนั้น ครั้นพ่อแม่พูดถึงเรื่องที่สนใจ ลูกก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เลยกลายเป็นช่องว่างในครอบครัว อยู่ด้วยกัน แต่ก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ พอเป็นอย่างนี้เด็กก็ไปหาเพื่อนของเขา ซึ่งก็วัยใกล้ ๆ กัน แล้วบางทีก็พากันไปในทางที่ไม่ค่อยถูกต้อง หนักข้อไปตามลำดับ จากเหล้า จากบุหรี่ ต่อไปก็เอายาอีบ้าง ยาบ้าบ้าง หนักไปเรื่อย ๆ แล้วก็พาไปทางที่เสีย พ่อแม่เองก็กลุ่มใจแต่ไม่รู้จะแก้ยังไง
      ตรงนี้ อาตมาอยากจะขอเสนอวิธีการ ช่องทาง ซึ่งจะสามารถช่วยได้ทั้ง 2 ประเด็นเลย คือทั้งนี้ในแง่คิดของตัวเองด้วย แล้วก็สร้างเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี สร้างความอบอุ่นในครอบครัวได้ด้วย นั่นก็คือ จานดาวธรรมเรา DMC ของเรา 





วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2559
คำขวัญปี2559

วันต่อต้านยาเสพติด








หนังสั้นเรื่อง"หลงลืม"หนังสั้นต่อต้านยาเสพติด




อ้างอิง